เทศน์เช้า วันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
เวลาเราอยู่บ้าน เวลาเราปฏิบัติเราอยากจะฟังธรรมมาก เพราะธรรมะ เห็นไหม เวลาปฏิบัติเรามืดแปดด้าน เราต้องการช่องทางที่เราจะออกไปจากกิเลส เราอยากฟังธรรมมาก แต่เวลามาอยู่วัด วันหนึ่งฟัง ๔ รอบ ๕ รอบ แล้วฟังธรรมนี่มันสะเทือนหัวใจไหม?
เราภูมิใจกันมากนะ ว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปัญญา ศาสนาพุทธมีมรรค มีผล เห็นไหม เวลาสุภัททะไปถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพาน บอกว่า
ศาสนาไหนก็ดี ศาสนาไหนก็ดี
พระพุทธเจ้าบอกเลย
สุภัททะเธออย่าถามให้มากไปเลย ศาสนาไหนไม่มีมรรค ศาสนานั้นไม่มีผลหรอก
มันไม่มีเหตุมันก็ไม่มีผล เราก็ภูมิใจกันว่าศาสนาพุทธเรานี่มีเหตุมีผลมาก เรามาประพฤติปฏิบัติเราต้องตั้งใจ ต้องทำตามความเป็นจริง เห็นไหม นี่ศาสนาพุทธนะมันมีเหตุมีผล แล้วมีการกระทำ มันต้องมีการลงทุนลงแรง แต่เราคิดกันเองโดยสามัญสำนึกไง ว่าศาสนาพุทธนี่เราอ้อนวอนเอา ขอเอา เหมือนถือผีนะ
นี่เวลาถือผี เวลาเขาไปหาทรงเจ้าเข้าผี เขาเซ่นไหว้แล้วเขาต้องการขอเอา เขาต้องการขอเอา เห็นไหม ได้บุญกุศล ได้ต่างๆ ให้ได้ลอยมาจากฟ้า นั่นเป็นความเชื่อถือดั้งเดิมของมนุษย์ ในโลกมนุษย์ทุกทวีป ทุกสัญชาติ ทุกชนชั้น ถือผีหมดเลย เพราะยังไม่มีศาสนา พอมีศาสนาขึ้นมา ศาสนาเกิดจากใคร?
ดูสิลัทธิศาสนาต่างๆ เกิดจากผู้นำของเขา แต่ในพุทธศาสนาของเราเกิดจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ถือผีถือสาง แต่มุมมองทางโลก ดูสิเวลาไปเที่ยวสวน นี่มีคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เป็นอยู่ เพราะเราเกิดมาก็คือเราเกิด แต่มันก็ไม่ได้มองมาที่เรา เห็นไหม มันก็คิดว่าอยู่นี่มีสุขมีสบายโดยธรรมชาติของมัน พอไปเที่ยวสวนเห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย มันก็ต้องมีฝั่งตรงข้าม คนไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย
มันมีฝั่งตรงข้าม ความคิดนี่คิดแบบถามปัญหา แบบวิทยาศาสตร์ที่คิดหาข้อมูล เห็นไหม นี่ศาสนาแห่งปัญญา ปัญญามันเกิดเพราะการใคร่ครวญ ตรรกะด้วยความตรึกเอา ตรึกเอามันไม่ใช่ศาสนา เพราะตรึกเอา ถึงออกบวช ถึงออกค้นคว้าไง การค้นคว้า สิ่งนั้นมีการกระทำ สิ่งนั้นได้มา การได้มาอย่างนั้นไม่ใช่ถือผีถือสางด้วยการอ้อนวอนขอเอา
เวลาเรามาวัดมาวา เห็นไหม ฟังธรรม นี่ธรรมมันสะเทือนหัวใจไหม? ถ้ามันสะเทือนหัวใจนะมันจะเกิดสติสัมปชัญญะ แล้วการเหยียดการคู้ของเราจะมีสตินะ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพาน บอกว่า
ภิกษุทั้งหลาย เธอจงพิจารณาสังขารด้วยความไม่ประมาทเถิด
ด้วยความไม่ประมาท! แต่เราประมาทนะ เวลาประมาท เห็นไหม นี่เมื่อคืนเวียนเทียน ดูสิเล่นกัน หยอกกัน เล่นกัน มันสะเทือนใจ มันอยากเลิกเลย มาวัดนี่เรามาทำอะไรกัน เรามาทำบุญกุศลใช่ไหม? เราจะมาตั้งใจของเราใช่ไหม? นี่เราตั้งใจ
เด็ก! ถ้าเด็กมันจะเล่นเป็นครั้งเป็นคราว มันสุดวิสัยเรื่องของเด็กใช่ไหม? เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว คนแก่คนเฒ่านะ ยังหยอกกัน ยังเล่นกัน.. เล่นกันนี่ เวลาเล่นมันทั้งชีวิตนะ เวลาเรามาเอาคุณประโยชน์กับเรา เรามาเอาคุณงามความดีของเรา ทำไมยังมาเล่นกันอยู่?
เล่นกัน เห็นไหม ถ้าคนเล่นกันแสดงว่าไม่เห็นเป้าหมายของศาสนา ไม่เห็นคุณงามความดีในเรื่องของศาสนา คนจะหยอกจะล้อกัน พระนะ พระก็มีพูดเล่นพูดหัวกันเป็นบางเวลา ถ้าบางเวลานี่เพราะอะไร? เพราะเราคุ้นเคยกัน เราคุยเล่นกัน เราคุยหยอกกัน อันนั้นมันเป็นคราว เป็นเวลา อันนี้จะเดินจงกรม จะเวียนเทียนกัน ยังเล่นกัน ยังหยอกกัน โอ้โฮ.. มันต้องยกเลิกนะ
นี่พูดถึงธรรมดานะ วุฒิภาวะของจิตใช่ไหม? ใจของคน นี่คนที่พัฒนาแล้ว คนมีเป้าหมายเขาอยากจะพ้นจากทุกข์ เขาขวนขวายของเขา ไอ้นี่มานะ คนมันหลากหลายใช่ไหม มันมีทัศนคติต่างๆ กันมาก.. นี่เวลาเราพูด เราก็พูดของเราเองนั่นน่ะ พันธุกรรมทางจิต จิตของคนสร้างมาดี จิตของคนมีพื้นฐานมานะมันมุ่งเป้าหมาย เห็นไหม
ในมหายาน ในเซนนะ เขาจะฆ่ากัน เขามีอาฆาตมาดร้าย เขามีปัญหากัน แบบว่าฆ่าล้างตระกูลไง แล้วอีกฝ่ายหนึ่งเขาก็หนีไปบวชเป็นพระเซน พอบวชเป็นพระเซนเขาก็เจาะภูเขา เขาเจาะภูเขานะ ใช้สิ่วกับค้อนเจาะภูเขาให้เป็นถ้ำไป นี่นั่งเจาะนะ อีกคนจะมาฆ่า พอจะฆ่าบอกไม่เป็นไร จะฆ่าก็ให้ฆ่า แต่ขอให้เจาะภูเขาให้เสร็จก่อน
เขาก็นั่งตอกภูเขาไปนี่แหละ ๓๐ ปี ๓๐ ปีตอกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะทะลุภูเขาไป คุยกันอยู่ทุกวันน่ะ คุยกันอยู่ทุกวัน คุยไปๆ มันปรับทัศนคติจากจะมาฆ่านะ จะมาทำลายเขาแค้นมาก ชีวิตนี้ต้องตายเด็ดขาด นี่อยากจะเจาะภูเขาให้มันเสร็จจะได้ฆ่า เจาะไปพูดไป ทัศนคติปรับกันไป ปรับกันไป จนกลายเป็นเพื่อนสนิท เป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติไปด้วยกัน
นี่สิ่งที่เขาทำ เขาเจาะภูเขาทั้งลูกนะ เขาเจาะภูเขาไป ของเรานี่พุทโธ พุทโธ.. พุทโธ พุทโธ เห็นไหม หลวงปู่ฝั้นท่านบอก
แค่ลมหายใจเข้านึกพุท ลมหายใจออกนึกโธ งานอย่างนี้ทำไมทำไม่ได้ เวลาทำงานทางบ้านทางเรือนเราก็ว่าเราทุกข์เรายาก เวลามาทำงานอย่างนี้มันก็ทำไม่ได้
มันทำไม่ได้นี่วุฒิภาวะ เรื่องของจิตมันมีพื้นฐานไหม? เวลาทำเราต้องบังคับมันนะ เราจะเอาจริงเอาจัง คนนะ ครูบาอาจารย์ท่านสังเกตได้ สังเกตพระเรานี่ข้อวัตรปฏิบัติ เห็นไหม เวลาครูบาอาจารย์ท่านสังเกตนะ มันเป็นเครื่องแสดงออกของใจ ใจคึก ใจคะนอง ใจถ้ามีสติสัมปชัญญะ การแสดงออกมันแสดงออกอีกอย่างหนึ่ง
ดูพฤติกรรมของความประพฤติ นิสัยนี่ แล้วเขาดูหัวใจ ถ้าดูหัวใจ ถ้ามันออกมาอย่างนั้นมันหยาบเกินไป มันหยาบเกินไปเพราะอะไร? เพราะมันหน้าสิ่วหน้าขวาน ปัจจุบันนี้เรามาเพื่อเอาบุญเอากุศลกัน ถึงใจเราเข้าไม่ถึงธรรมะใช่ไหม? เราแค่ทำบุญเป็นอามิส ถึงเป็นอามิสนะมันเข้าไปในสังคม ดูสิพระบวชใหม่ เวลาเขาภาวนารวมนี่ภาวนารวมเพื่ออะไร? เพื่อเอาสังคมนั้นบีบไง บีบว่าเราจะลุกจะนั่งก็ไม่ได้อายเขา ก็ต้องภาวนากันไป
นี่ก็เหมือนกัน เวลามาเวียนเทียน สังคมนี่นะเราคบบัณฑิต เห็นไหม อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา เราไม่คบคนพาลเราจะคบแต่บัณฑิต แล้วคนที่เป็นบัณฑิต คนที่คิดใฝ่ดี คนใฝ่ดีเขาไปทำสิ่งที่ดี เราไปอยู่ในสังคมที่ดีแล้วเราไปขวางเขา เราไปหยอก ไปล้อ ไปเล่นกัน มันไม่สมควรเลย แต่เขาก็ทำได้นะ แล้วไม่ใช่เด็กๆ เป็นผู้เฒ่าผู้แก่ เห็นแล้วคิดเลย โอ้โฮ.. มันไม่สมควร
มันหมดกำลังใจ หมดกำลังใจเลยนะ เราเหนื่อยยาก เราทุกข์ยาก แล้วเขามาทำกันอย่างนั้น มันไม่สมควร เวลาครูบาอาจารย์ เห็นไหม อย่างวัตรน่ะ วัตรท่านต้องรักษาของท่าน ท่านบอกเราเอามูตรเอาคูถเข้ามา เวลาเข้าวัดเข้าวาก็เอามูตรเอาคูถไง ความโลภ ความโกรธ ความหลงเข้ามา นี่พอมาสาดกระจายกัน แล้วเวลาคนเข้ามาจะใช้น้ำนั้น ใช้เพื่อประโยชน์ น้ำนั้นก็ใช้ไม่ได้ เพราะสิ่งนั้นมันเสียหายไปหมดแล้ว
นี่ก็เหมือนกัน เวลาหัวหน้า เวลาผู้นำมันต้องกันไม่ให้กระทบกระเทือนกัน เวลาคนภาวนา คนไม่เคยภาวนาจะไม่เข้าใจเรื่องความสงบสงัดเลย คนภาวนาเขาสงวนรักษาสิ่งนี้มาก นี่กายวิเวก จิตวิเวก.. ถ้ากายไม่วิเวก จิตจะวิเวกได้อย่างไร?
มีคนมาฟ้องมาก เวลามาปฏิบัติอยู่ฝั่งนู้นแล้วกลับไปนี่ กลับมาจะบอกเลย คุยกันทั้งวัน เสียงจ้อกแจ้กจอแจ ไอ้คนคุยไม่รู้เรื่องนะ นี่คุยกัน นั่งคุยกันอยู่สองคน ไอ้คนภาวนาอยู่ตรงข้ามได้ยินหมดเลย แล้วเขาก็บอกว่า
ไหนว่าวัดปฏิบัติไง ไหนว่าที่นี่เป็นที่ประพฤติปฏิบัติ
ไอ้คนเวลาพูดมันก็ไม่ได้คิดเลยนะ มันก็พูดของมันไป ไอ้คนที่เขาต้องการความสงัด เห็นไหม กายวิเวก สถานที่วิเวกไง แล้วจิตมันจะวิเวก นี่สถานที่มันไม่วิเวก ไม่วิเวกแล้วมันกระเทือนกัน แต่คนทำไม่รู้ตัว เพราะคิดว่ามันไม่ไปไกล
เวลาสงบสงัดนะ เวลาเรานั่งอยู่นี่กลางคืนน่ะ เวลารถวิ่งที่ถนน มันเหมือนจะวิ่งเข้ามาชนเราเลย เพราะที่นี่มันเป็นเหมือนลำโพง มันรับเสียง คนจะพูดที่ไหนได้ยินหมดเลย มันได้ยินทั้งนั้นแหละ แต่จะพูดหรือไม่พูดเท่านั้นแหละ ฟังแล้วเราก็แบบว่า.. เพราะประสาเรานะว่าเขาไม่มีสติ เขาสำนึกตัวเขาไม่ได้ นี่มันก็คิดให้อภัยเขา แต่ถ้ามันบ่อยครั้ง มากครั้งเข้า เราก็ต้องไปเตือน ไปเตือนเพราะอะไร?
ดูทีมฟุตบอลสิ นี่มูลค่าของทีมฟุตบอลทีมหนึ่งเป็นแสนๆ ล้าน แล้วลงแข่งกันทีหนึ่งผลประโยชน์เขามหาศาล แล้วบุคคลคนเดียว กรรมการเป่า กรรมการควบคุมเกมลำเอียงข้างใดนะ ผลประโยชน์มหาศาลเลย เราเป็นกรรมการในวัดนี้ เราเป็นผู้ควบคุมกฎ เราเป็นคนดูแลทั้งหมด ฉะนั้น เวลาถ้าเขาเสียงดัง เขามีอะไรเราต้องไปเตือน มันเป็นความรับผิดชอบ มันเป็นหน้าที่ของเรา ถ้าเราไม่รับผิดชอบ ไม่เป็นหน้าที่ของเรา เราจะเป็นหัวหน้าคนทำไม? เราจะมาสั่งสอนเขาทำไม?
นี้พอเราไปพูดไปว่าเขาก็ว่า โอ๋ย.. ดุ ไอ้ดุก็ส่วนดุแหละ ดุก็ต้องดุ ใครจะคิดอย่างไรมันเรื่องของเขา แต่เรื่องของเรานะ นี้เราพูดถึงว่าถ้ามีสติ มีสัมปชัญญะ เพราะเข้าไปหมู่มันต้องปรับตัวเราเข้ากับสภาพแบบนั้น ถ้าปรับเข้ากับสภาพแบบนั้นนะ นี่สังคมมันบีบ ข้อวัตรปฏิบัติมันบีบคั้นขึ้นมา แล้วถ้าเราเป็นของเราเองนะไม่ต้องให้สิ่งใดบีบคั้น มันแสวงหา
คนเราดูสิ เห็นไหม เขาเอาเงินมาแจก ทำไมเราวิ่งไปรับกันเลยล่ะ เอาเงินมาแจกสิ เอาเงินมาแจกนะ นี่ให้นับตังค์นะ วันๆ ให้นับตังค์ โอ๋ย.. มันนั่งได้ทั้งวันเลยนี่นับตังค์ เวลาให้ภาวนามันทำไม่ได้นะ บอกนี่นั่งเลย เอาเงินมานับ ใครนับได้มากเอาไปเลย โอ้โฮ.. มันนั่งกันทั้งวันเลย มันจะนับแต่ตังค์ แต่เวลาพุทโธ หายใจเข้า หายใจออก มันทำไม่ได้
นี่มันทำไม่ได้เพราะมันไม่เห็นผลประโยชน์ แต่คนที่เขาเห็นผลประโยชน์เหมือนนับตังค์นี่แหละ นับตังค์นะ แบงก์เอามานี่มันเป็นสมบัติสาธารณะ ใครเขาก็เจือจานได้ ดูสิใครเป็นรัฐบาลขึ้นมา เขาก็ตั้งงบประมาณขึ้นมา เขาเอาเงินมาใช้ได้ทั้งนั้นแหละ จะเอางบประมาณใช้จ่ายไปทางใด
แต่คุณงามความดีของคนใครเป็นคนสร้างขึ้นมา หัวใจที่มันสัมผัสขึ้นมา นี่สัมผัสธรรม แล้วธรรมเข้าไปสถิตในหัวใจดวงนั้น ใครเป็นคนบอกว่ามันเป็นจริงหรือไม่เป็นจริง คุณค่าของมันมีค่ามากกว่าแบงก์นี่มากมายมหาศาล แบงก์นะ เขาแบบว่าสมมุติขึ้นมาใช้มันก็ได้ประโยชน์ เขายกเลิกขึ้นมา กระดาษชิ้นเดียวกันยังใช้ไม่ได้ประโยชน์เลย แต่คุณงามความดี ความชั่วที่มันติดไปกับใจ ใครจะยกเลิกมันได้?
ใครจะยกเลิกความชั่วของเราได้ ใครจะยกเลิกความดีของเราได้ แต่เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นไป นี่ศีลธรรม จริยธรรม เวลามรรคญาณมันเข้าไปทำลาย มันเข้าไปกำจัดให้พ้นจากดีและชั่ว ให้จิตนี้เป็นธรรมธาตุ.. เป็นธรรมธาตุ! เป็นธรรม แล้วเป็นธาตุ ธาตุรู้ ธาตุสสารที่มีอยู่ แล้วมันสะอาดบริสุทธิ์ที่มันจะต้องไม่ขับเคลื่อนไปอีกแล้ว
มันเป็นสสาร เป็นธาตุรู้ไง ธาตุรู้ที่เป็นนามธรรม มันเป็นปฏิสนธิวิญญาณ มันเป็นภวาสวะ เป็นภพ มันเป็นสถานที่ที่มันมาเวียนตายเวียนเกิดในไข่ ในโอปปาติกะ นี่มันขับเคลื่อนของมันไป แล้วพอมันสะอาดบริสุทธิ์ที่มันไม่ต้องไป นี่มันจะมีคุณค่าแค่ไหน แล้วคุณค่าอันนี้มันอยู่ในหัวใจ อยู่ในหัวใจที่มันต่ำต้อยนี่แหละ อยู่ในหัวใจที่ทุกข์ที่ยากนี่แหละ แล้วเราจะขวนขวายไหม?
พระที่ประพฤติปฏิบัติ ครูบาอาจารย์ที่ท่านทำของท่าน เพราะท่านมีเป้าหมายของท่าน ท่านมีความเข้มแข็งของท่าน ท่านมีสติสัมปชัญญะของท่าน ท่านมีเข็มมุ่งของท่าน อธิษฐานบารมี เห็นไหม เราตั้งเป้าตรงนั้น ถ้ามันเห็นคุณงามความดีมันทำได้นะ เห็นคุณงามความดี
แต่คนมันหลากหลายนะ เมื่อคืนเราแซงไปเยอะมาก เวียนเทียนไปนี่เล่นกันจนบอกให้ไป! ก็หันมามองแล้วเขาก็เล่นกัน จนทนไม่ได้ แซงๆ แซงๆ เลย แซงเลย ธรรมดาถ้าไม่เวียนเทียนนะ ถ้าไม่เป็นธรรมดานะไล่ออกแล้ว ไล่แล้ว แต่นี้เพราะถือว่าเวียนเทียน เวียนเทียนทุกคนมีสิทธิเข้ามาใช่ไหม? เหมือนไปทำบุญ เช้าขึ้นมาใครก็ไปทำบุญได้
หัวใจของคนมันคนละชั้น เมื่อคืนเจอสภาพนั้นสะเทือนใจมาก แต่เก็บไว้ในใจ นี่เอามาพูดไง มันสะเทือนใจเพราะทำไมของแค่นี้คิดไม่เป็น อายุมากนะ คนเฒ่าคนแก่ ผมขาวหมดแล้ว ทำไมของแค่นี้คิดไม่ได้ เด็กๆ มันยังคิดเป็นนะ โตจนป่านนี้คิดไม่เป็น ถ้าคิดไม่เป็น เห็นไหม นี่ไหนว่าสัมมาปัญญา ปัญญาที่จะแก้ไข ปัญญาจะแก้ให้พ้นจากกิเลส นี้มันปัญญาของกิเลส ทิฏฐิมานะไง
อ้าว.. ก็ที่สาธารณะน่ะ ก็สิทธิของฉันน่ะ ฉันจะทำอะไรก็ได้ เห็นไหม คิดไปโดยกิเลส คิดไปโดยโลก ไม่ได้คิดไปโดยธรรม ถ้าคิดไปโดยธรรม ทำไมคนอื่นเขาไม่ทำเลยล่ะ? เราทำอยู่คนเดียว นี่น่าอายเขาไหม? เขาก็เดินกันเรียบร้อยทั้งนั้นล่ะ เขาก็เดินไป เขาก็ต้องการความสงบ เขาตั้งใจของเขา เขาทำความดีของเขา เขาทำกันอย่างนั้นหมดเลย เราทำแปลกแยกไปจากเขา เราเป็นคนดีได้อย่างไร? คิดไม่เป็นเนาะ
นี่เมื่อคืนไม่ได้พูด เห็นแล้วก็เก็บไว้ในใจ แต่มาพูดเป็นคติ เห็นไหม นี่คิดแต่เราจะทำความดีเพื่อคนอื่น ทำดีเพื่อคนอื่น เพื่อเขาทั้งหมดเลย สุดท้ายเขามาแล้วเขาเห็นเป็นความดีไหม? เขาทำลายหมดเลยนะ.. นั่นมันเรื่องของโลกนะ เรื่องของหัวใจของคน ใจที่มีกิเลส มันคิดแต่ว่ามันฉลาด มันมีสิทธิเสรีภาพของมัน แต่มันทำลายตัวเองโดยไม่เข้าใจ
แต่พวกเราถ้ามีศีลธรรมจริยธรรมนี่ทุกข์ไหม? เพราะบีบคั้นตัวเองไง บีบคั้นให้เราอยู่ในกรอบ บีบคั้นให้เราพยายามทำตัวเราให้ดี กลับเป็นคนทุกข์นะ เขาทำตัวตามสบาย เขามีความสุขของเขา แต่นั่นล่ะเวรกรรมทั้งนั้น คิดดูสิดวงใจทั้งหมดเลย เมื่อคืนคนประมาณเท่าไหร่? เขาปรารถนาดีของเขา เขาทำดีของเขา แล้วเขามาทำลายนี่คิดดูสิว่าเขาจะได้อะไรไป
แต่เขาคิดไม่เป็นนะ.. คนคิดไม่เป็นมันก็หาแต่สิ่งที่เป็นบาปอกุศลเข้าหัวใจไป คนคิดเป็น คนคิดแต่สิ่งที่ดี มันก็เอาบุญกุศลเข้าแต่หัวใจไป แล้วมันจะเป็นประโยชน์กับตัวเองนะ ตั้งสติไว้ มองโลก มองสังคม แล้วมองตัวเอง มองหัวใจ แล้วอย่าทำอย่างนั้น เอวัง